หากคุณเป็นคนหนึ่งที่มีรถยนต์ จะต้องมี "หน้าที่ที่ต้องทำตามกฏหมาย" ดังนี้

1.) เสียภาษีรถยนต์ประจำปี ต่อกรมการขนส่งทางบก

     หลังจากเสียภาษีเรียบร้อยจะได้แผ่นป้ายกระดาษทะเบียนรถและเครื่องหมายแสดงการเสียภาษีประจําปี

2.) ซื้อประกันภัยรถยนต์ภาคบังคับ (พ.ร.บ. คุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ)

     ราคาไม่แพงมาก อยู่ที่ประมาณ 600 - 1,000 บาทเท่านั้น อยู่ที่ประเภทจดทะเบียนของรถยนต์ พอซื้อเรียบร้อย จะได้กระดาษมา 1 แผ่น เป็นเอกสารกรมธรรม์ ที่จะต้องเก็บติดรถไว้

>> ทั้ง 2 ข้อด้านบน กฏหมายบังคับไว้ว่าต้องทำทุกปี โดยในขั้นตอนการเสียภาษีรถยนต์ประจำปี จะต้องแจ้งเลขที่กรมธรรม์ พ.ร.บ. ที่ซื้อมาด้วยเสมอ !!

     นอกจากนี้เพื่อความคุ้มครองที่เพิ่มมากขึ้น จะได้ขับขี่อย่างสบายใจ ก็ยังควรซื้อ "ประกันภัยภาคสมัครใจ" ที่มีอยู่ให้
เลือกอย่างหลากหลายอยู่ที่บริษัทประกันภัยจะสรรสร้างออกมาขาย แต่หลักๆจะมีดังนี้


ประเภท 1 : ให้ความคุ้มครองความรับผิดชอบต่อชีวิต ร่างกาย และทรัพย์สินของบุคคลภายนอก รวมทั้งคุ้มครองความเสียหายต่อตัวรถยนต์ที่เอาประกันภัยอันเกิดจากการชน การลักทรัพย์อุปกรณ์การสูญหายทั้งคัน และไฟไหม้ทั้งสาเหตุโดยตรงและโดยอ้อม


ประเภท 2 : ให้ความคุ้มครองความรับผิดชอบต่อชีวิต ร่างกาย และทรัพย์สินของบุคคลภายนอก รวมทั้งคุ้มครองความสูญหาย และไฟไหม้ต่อตัวรถยนต์ที่เอาประกันภัย


ประเภท 3 : ให้ความคุ้มครองเฉพาะความรับผิดชอบต่อชีวิต ร่างกาย และทรัพย์สินของบุคคลภายนอก


ประเภท 3 พิเศษ : ให้ความคุ้มครองเฉพาะความรับผิดชอบต่อชีวิต ร่างกาย และทรัพย์สินของบุคคลภายนอก รวมทั้งคุ้มครองความเสียหายต่อตัวรถยนต์ที่เอาประกันภัยอันเกิดจากการชนกับยานพาหนะทางบกเท่านั้น


ประเภท 5 (2+) : ให้ความคุ้มครองเฉพาะความรับผิดชอบต่อชีวิต ร่างกาย และทรัพย์สินของบุคคลภายนอก รวมทั้งคุ้มครองความสูญหาย ไฟไหม้ และความเสียหายต่อตัวรถยนต์ที่เอาประกันภัย อันเกิดจากการชนกับยานพาหนะทางบกเท่านั้น

*เคล็ดลับการซื้อประกันภัยและเสียภาษีประจำปีให้ราคาถูกลง*

1.) เลิกให้บริษัทนายหน้าดำเนินการแทน

    หลายคนเวลาซื้อรถออกมาจะมักแถม พ.ร.บ. + ประกันภัยภาคสมัครใจ มาให้อยู่เสมอๆ ซึ่งมักถูกดำเนินการโดย "บริษัทไฟแนนซ์ที่เราไปขอกู้เงินมาซื้อรถ" เป็นผู้ต่ออายุประกันภัย และ เสียภาษีประจำปีให้ แต่ก็จะเรียกเก็บค่าบริการ 300-500 บาทด้วย ซึ่งเราไม่จำเป็นต้องไปให้เขาทำให้ครับ แย่งงานนี้มาทำเองเลย จะได้เอาเงินค่าบริการนี้ไปทำอย่างอื่นดีกว่า

    นอกจากนี้หลายคนยังเชื่อว่า รถติดไฟแนนซ์อยู่ ไม่สามารถชำระภาษีรถยนต์เองได้ เพราะไม่มีหนังสือทะเบียนรถ อันนี้คุณ
เข้าใจผิดครับ !!

    เพราะคุณสามารถชำระภาษีเองได้ และพอผ่อนรถหมด ก็จะได้หนังสือทะเบียนรถมา ค่อยเอาไปอัพเดทประวัติการเสียภาษีรถย้อนหลังได้ครับ (แต่ยังไง ก็เก็บใบเสร็จจากกรมขนส่งทางบกให้ไว้เป็นหลักฐานด้วยก็ดี)

    ดังนั้น ในวันนี้ใครยังเสียค่าธรรมเนียมให้บริษัทไฟแนนซ์เดินเรื่องเหล่านี้ให้ อันดับแรกก็โทรไปแจ้งเขาก่อนเลยครับ ว่า "ปีนี้
ทางเราขอต่ออายุประกันภัย + พ.ร.บ. + ชำระภาษีประจำปี เอง ไม่ต้องเดินเรื่องให้แล้วนะ
" เพราะถ้าไม่บอกเขา เดี๋ยวเขาจะไปทำให้โดยไม่บอกเรา แต่จะมาเก็บเงินกับเราเลย

2.) ในการซื้อประกันภัยภาคสมัครใจ ควรสอบถามไว้หลายๆที่

    โดยเฉพาะการซื้อประกันภัยชั้น 1 จะมีค่าส่วนแบ่งให้นายหน้าสูง ดังนั้นจึงมักเกิดการตัดราคากันเอง ดังนั้นลองถามหลายๆที่ครับ

>> ถ้านึกไม่ออกว่าถามที่ไหนดี เอาง่ายๆก็

- ศูนย์ที่ขายรถยนต์ทุกที่อ่ะครับ เขามีแผนกขายประกันรถหมด ถามไปหลายๆศูนย์เลย
- เพื่อนที่ขายประกัน เขาจะได้คิดราคาพิเศษให้
- ติดต่อบริษัทประกันโดยตรง (แต่ที่เคยคุย จะแพงกว่าซื้อผ่านนายหน้า)

    ที่ผมเคยซื้อประกันภัยชั้น 1 ซ่อมศูนย์ของ กรุงเทพประกันภัย ทุนประกัน 4.4 แสน ราคาอยู่ที่ 12,154 บาทนะครับ ซื้อผ่านศูนย์
โตโยต้านนทบุรีนะครับ .. (เบี้ยประกัน 1 บาท ต่อทุนประกัน 37 บาท ครับ)
   

3.) อย่าลืมใช้สิทธิลดหย่อนค่าเบี้ยประกัน

    สิทธิลดหย่อนเบี้ยประกัน ที่หลักๆ คือ

- ประวัติการขับดี ไม่มีการเคลมในปีที่ผ่านมา

- การระบุชื่อผู้ขับขี่ สามารถลดค่าเบี้ยประกันได้อีก (โดยปกติมักจะให้ระบุได้ 2 คน)

- การชำระเบี้ยประกันเป็นเงินสด อาจมีส่วนลดได้อีก

 

ส่วนรายละเอียดเพิ่มเติม เชิญติดตามที่กระทู้ด้านล่างครับ

 


     อันดับแรกก่อนที่จะชำระภาษีประจำปีได้ ต้องซื้อ ประกันภัยรถยนต์ภาคบังคับ (พ.ร.บ. คุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ) ก่อนครับ โดยจะซื้อที่บริษัทไหนก็ได้ครับ ราคาพอๆกัน เงื่อนไขควมคุ้มครองก็ไม่ต่างกัน

>> แต่แนะนำว่าควรเลือกบริษัทที่มีศูนย์เคลมใกล้บ้านเราไว้ เวลาไปยื่นเอกสารเคลมอะไร จะได้สะดวก

ในรูปตัวอย่างด้านบนจะเป็นของ บริษัทสามัคคีประกันภัย


ต่อไปเป็นการชำระภาษีรถยนตร์ (บางคนเรียก ต่อทะเบียนรถ) ทำได้หลายช่องทาง ดังรูปด้านบน

>> อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมที่ http://www.dlt.go.th/th/index.php?option=com_content&id=2933:3&Itemid=88


ทีนี้แนะนำว่า ถ้ารถยังไม่เกิน 7 ปี (ไม่ต้องมีการตรวจสภาพรถ) สามารถไปต่อภาษีได้ที่ 7-11 ครับ จะเป็น
บริการของ Counter service ครับ

ทีนี้ก่อนเข้าไปใน 7-11 ต้องตั้งสติดีๆก่อน เพราะที่เคยเจอมา พนักงานยังทำไม่ค่อยเป็น พอบอกว่าจะ
ขอต่อทะเบียนรถ จะกลายเป็นเอา พ.ร.บ. มาขายเฉยเลย (ถ้ายังไม่ได้ซื้อ พ.ร.บ. ก็ซื้อกับเขาไปเลยก็ได้
ง่ายดี เหอๆ) คงเป็นเพราะคนส่วนมากยังไม่ค่อยมาชำระภาษีใน 7-11 กันมั้งครับ

พอเข้าไปใน 7-11 ให้

1.) บอกว่า "มาชำระภาษี ต่อทะเบียนรถ ของกรมการขนส่งทางบก และตอนนี้มี พ.ร.บ. เรียบร้อยแล้ว จะเป็นบริการของ Counter Service นะ"

2.) ในการ ชำระภาษีรถยนตร์ที่ Counter Service ใช้หลักฐานดังนี้

- เลขที่กรมธรรม์ของ พ.ร.บ. (เลขที่กรมธรรม์ของ ประกันภัยภาคสมัครใจ ไม่ใช้)

- สำเนาทะเบียนรถ (รถต้องไม่เกิน 7 ปีนะครับ)

3.) จ่ายค่าธรรมเนียมรวมทั้งหมด 60 บาท แบ่งเป็น- ค่าบริการเคาน์เตอร์เซอร์วิส 20 บาท
- ค่าจัดส่งป้ายวงกลม 40 บาท



รอเพียง 3-5 วัน ก็มีจดหมายลงทะเบียนส่งแผ่นป้ายชำระภาษีมาให้ถึงบ้านเรียบร้อยยยย

>> กรมการขนส่งจะส่งใบเสร็จรับเงินมาให้ด้วย ก็เก็บไว้เป็นหลักฐานดีๆละกันครับ

>> ลืมบอกไปว่า สามารถชำระภาษีรถยนต์ล่วงหน้าได้ 3 เดือน ไม่ต้องรอให้ครบกำหนดก็ไปจ่ายก่อนได้นะ

 

แค่นี้เองครับ ก็หมดภาระด้านประกันภัยรถยนต์ + การชำระภาษีรถยนต์ ไปได้อีกปี .. ไม่ต้องไปให้บริษัทไฟแนนซ์หรือใครทำให้หรอกครับ ทำเองเลย ง่ายๆ ประหยัดไปได้หลายร้อยบาท


Copyright © 2566 - 2568. All rights reserved.