เมืองซีอาน (Xi an) ตั้งอยู่ในมณฑลส่านซี มีประวัติศาสตร์ยาวนานกว่า 3,000 ปี และเป็นหนึ่งในเมืองหลวงโบราณที่สำคัญของจีน โดยในสมัยก่อนใช้ชื่อว่าเมือง ฉางอาน (Chang an) โดยเมืองนี้ถือว่าเป็นจุดเริ่มต้นของเส้นทางสายไหมฝั่งตะวันออก มีพ่อค้าจากภูมิภาคต่างๆ เช่น เอเชียกลาง ตะวันออกกลาง และยุโรปเข้ามาค้าขาย ทำให้ซีอานกลายเป็นศูนย์กลางของการแลกเปลี่ยนสินค้า วัฒนธรรม และศาสนาที่แพร่หลายเข้ามาจากโลกตะวันตก

เมืองลั่วหยาง (Luoyang) ตั้งอยู่ในมณฑลเหอหนาน มีประวัติศาสตร์ยาวนานกว่า 4,000 ปี ลั่วหยางเคยเป็นเมืองหลวงของจีนอยู่หลายสมัย ทำให้ที่นี่เป็นศูนย์กลางทางการเมือง วัฒนธรรม และศาสนามาอย่างยาวนาน

 >> ช่วงวันที่เดินทาง : ตุลาคม พ.ศ.2567

>> คลิกอ่านรีวิวเที่ยว เมืองซีอาน-ลั่วหยาง ประเทศจีน ทั้งหมดได้ที่ <<

ตอนที่ 1 : เตรียมตัวก่อนออกเดินทาง

ตอนที่ 2 : โรงแรม Holiday Inn Express Xi'an Bell Tower และ Holiday Inn Express Luoyang City Center

ตอนที่ 3 : เที่ยวกลางเมือง Xi'an - หอระฆัง/หอกลอง - ถนนคนเดินมุสลิม หุยหมินเจีย - กำแพงเมืองซีอาน (Xi'an City Wall)

ตอนที่ 4 : เจาะเวลาหาจิ๋นซี @ สุสานกองทัพทหารดินเผาของจิ๋นซีฮ่องเต้ (Terracotta Warriors)

ตอนที่ 5 : เที่ยวถ้ำผาหลงเหมิน (Longmen Grottoes) แห่งเมืองลั่วหยาง มณฑลเหอหนาน

ตอนที่ 6 : เที่ยวศาลเจ้ากวนอู (Guanlin Temple) - เมืองเก่าลี่จิงเหมิน (Lijingmen) เมืองลั่วหยาง

ตอนที่ 7 : เที่ยววัดเส้าหลิน (Shaolin Temple) แห่งเมืองเติงเฟิง ประเทศจีน

ตอนที่ 8 : เที่ยวเจดีย์ห่านป่าใหญ่ (Giant Wild Goose Pagoda) ตามรอยพระถังซัมจั๋ง


... ทริปนี้เราออกเดินทางกันด้วยสายการบิน AirAsia บินตรงจากสนามบินดอนเมือง (DMK) ไปลงที่ สนามบินนานาชาติซีอานเสียนหยาง (XIY) ใช้เวลาเดินทางประมาณ 4 ชั่วโมงเท่านั้น ...


บรรยากาศบ้านเมืองก่อนลงจอดที่สนามบินซีอาน


ตอนนี้คนไทยสามารถไปเที่ยวประเทศจีน (ไม่เกิน 30 วัน) ได้โดยไม่ต้องทำ VISA แล้ว พกแค่ Passport ที่มีอายุเหลือมากกว่า 6 เดือนไปก็พอครับ (เหมือนไปเที่ยวญี่ปุ่น ไต้หวัน ฮ่องกง) ทำให้ประหยัดเงินไปได้มากกว่า 1,500 - 2,000 บาท/คนเลย

>> ข้อมูล ณ ตุลาคม พ.ศ.2567


ก่อนที่จะเข้าไปที่ช่องตรวจคนเข้าเมือง เราจะต้องหยิบใบ Arrival Card มากรอกก่อน

** เราต้องกรอกเบอร์โทรศัพท์ของโรงแรมด้วย แม้จะติ๊ก "No" ที่ช่อง "มีผู้ติดต่อในจีนไหม ?" ก็ตาม ไม่งั้นเจ้าหน้าที่จะไม่ให้เราเข้าไปที่ช่อง ตม. เลย **


ก่อนเดินทางไปจีน แนะนำให้ลงแอพ Alipay และ แอพ Wechat ก่อน โดยแนะนำให้ผูกกับบัตร Travel Card เช่น Youtrip ของ ธ.กสิกรไทย เพราะจะได้ประหยัดค่าธรรมเนียม 2.5% ในการใช้จ่ายเป็นสกุลเงินต่างประเทศ + อัตราแลกเปลี่ยนถือว่าโอเคร

ในแอพ Alipay ที่เราต้องใช้หลักๆ ก็จะมี

(1) การจ่ายเงิน มี 2 แบบ ใช้แบบไหนอยู่ที่หน้างาน ว่าจะให้เราใช้แบบไหน ก็คือจะมี

- Scan = เราเป็นคนแสกนเขา
- Pay/Receive = จะขึ้น QR Code ของเรา ให้เขาแสกนเอง

ปล. ในแอพ Wechat การจ่ายเงินก็หลักการเดียวกัน

(2) DiDi Travel = สำหรับเรียก Taxi (ถ้าไทยเราก็เป็น Grab อะไรแบบนั้น)


ปล. หากใช้จ่ายเกิน 200 หยวน Alipay จะเรียกเก็บค่าธรรมเนียมเพิ่ม 3% ของยอดใช้จ่าย ดังนั้นวางแผนการใช้จ่ายเงินดีๆครับ

> เบอร์โทรศัพท์ไทยที่ลงทะเบียนใน Alipay และ Wechat จะไม่สามารถใช้จ่ายในประเทศไทยได้ ดังนั้นถ้าอยากทดสอบการโอนเงินอาจต้องใช้วิธีค้นหารูป QR Code สำหรับจ่ายเงินใน Internet เอา เช่นจาก Google , กรุ๊ปเที่ยวจีนใน Facebook ต่างๆ , QR Code ของสถานที่รับบริจาคเงินในประเทศจีน เป็นต้น


สามารถเพิ่มบัตรเครดิต และบัตร Travel Card (แนะนำ) กับแอพ Alipay ก่อน ถ้าไม่ผูกจะใช้งานไม่ได้ครับ


หน้าจอการเรียก Taxi ในเมนู DiDi Travel

ก็คือให้เราปักหมุด ต้นทาง และ ปลายทาง เองได้เลย สามารถค้นหาจากชื่อสถานที่ได้ (ส่วนมากภาษาจีน แต่ถ้าที่ท่องเที่ยวใหญ่ๆ จะมีภาษาอังกฤษกำกับให้ด้วย)

แต่ในสถานการณ์จริง การเรียก Taxi ผ่าน DiDi Travel ให้มารับอาจไม่สะดวกกรณีเรียกให้มารับในจุดที่คนเยอะ เช่น สนามบิน , สถานีรถไฟ เพราะคนเยอะ รถเยอะมาก แต่เหมาะกับการเรียกให้ Taxi มารับที่โรงแรมจะสะดวกกว่ามาก


เลือกประเภทรถที่ต้องการ มีทั้งแบบรถส่วนบุคคล และ รถ Taxi จดทะเบียน

ผมเลือกแต่ Taxi จดทะเบียนอย่างเดียว เพราะชอบให้กดมิเตอร์ตามจริงมากกว่าครับ


พอมีรถกดรับงานเราแล้ว จะมีเลขทะเบียนรถขึ้นมาให้เรามองหา และ พอขึ้นรถต้องกรอกรหัสผ่าน (เป็นเบอร์โทรศัพท์ที่ลงทะเบียนไว้ 4 ตัวท้าย) บนหน้าจอของฝั่งคนขับก่อน ถึงจะเริ่มออกเดินทางได้ เพื่อป้องกันการขึ้นรถผิดคัน !!

แต่ทั้งนี้ในบางกรณี คนขับอาจแค่ถามว่าเรามีรหัสผ่านเป็นเลขนี้ใช่ไหม ? แค่นั้น เราก็ตอบ Yes ไปก็พอ


เมื่อกรอกรหัสผ่านเสร็จ ก็ออกเดินทางได้ !!


พอถึงปลายทาง กรณีเป็นรถ Taxi จดทะเบียน คนขับรถจะกรอกจำนวนเงินตามมิเตอร์ + ค่าทางด่วน (ถ้ามี) ลงแอพให้ แล้วในหน้าจอของเราจะขึ้นให้จำนวนเงินรวมที่ต้องจ่ายให้เห็น โดยเราต้องจ่ายผ่าน Alipay เท่านั้น ก็กรอก Pincode ยืนยันจ่ายเงินไปก็เรียบร้อยแล้ว


มาถึงหัวใจของทริปนี้ ห้ามลืมเด็ดขาด !! ก็คือ "การสมัคร Data Roaming Internet" จากประเทศไทย ตัวอย่างราคาตามรูป

** ข้อควรระวัง !! ** ประเทศจีน Block การใช้งาน Google , LINE , Facebook , Instagram นะครับ ดังนั้นถ้าเราซื้อ Simcard ใหม่ที่จีน จะไม่สามารถใช้งานเว็บพวกนี้ได้เลยนะครับ แนะนำให้ซื้อแพคเกจเสริม Data Roaming Internet จากประเทศไทยไปเลยดีกว่า


พูดถึงเรื่องอาหารการกินที่ เมืองซีอาน - ลั่วหยาง จากที่เดินสำรวจอยู่หลายจุด พบว่าส่วนมากจะเป็น เนื้อวัว และ เนื้อแพะ เป็นส่วนมาก (แต่เคยดูรีวิวท่านอื่น ส่วนมากจะพาไปกินบุฟเฟต์ชาบูหม่าล่ากัน ซึ่งร้านแบบนั้นน่าจะมีเนื้อหมู เนื้อไก่ ให้กินบ้าง)

** ข้อควรระวัง !! ** แทบไม่เจออาหารที่เป็นเนื้อหมู และข้าวสวย ส่วนเนื้อไก่ยังพอเจอบ้าง ตามร้าน KFC , McDonalds และ ข้าวกล่อง 7-11 ดังนั้นคนที่ไม่กินเนื้อต้องเตรียมตัวดีๆ ขนาดบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปที่ขายที่นั่นยังเป็นรสเนื้อเลย T_T

... คือในสถานการณ์จริงบางร้านอาจมีเนื้อหมู เนื้อไก่ ขายแหละ แต่ว่ารายการรูปเมนูอาหารต่างๆ ดูไม่ออกว่าเป็นเนื้ออะไร จะเขียนเป็นภาษาจีนล้วน ใช้ Google Translate แปลก็มั่วๆ ไม่ได้ใจความก็มี

ตัวอย่างในรูปคือ เต้าหู้ทอด และเต้าหู้เหม็น ซึ่งก็พอกินได้อยู่


อีก 1 เมนูที่โอเครเลย ไก่ย่างยัดไส้ข้าวเหนียว

พิกัดจุดขาย = ถนนคนเดินมุสลิม หุยหมินเจีย (ใกล้กับหอกลอง)


มีร้าน 7-11 ด้วย

พิกัด : บริเวณหอระฆัง (Xi'an Bell Tower) เจออยู่ 2 สาขา เป็นตึกแถวอยู่ติดกับถนน Nanda Jie

พิกัด GPS สาขา 1 (โดยประมาณ) : 34.25796 , 108.94721

พิกัด GPS สาขา 2 (โดยประมาณ) : 34.25675 , 108.94684

** ใน Google Maps สามารถกรอกเลขพิกัด GPS ด้านบนลงไปในช่องค้นหาได้เลย **


ไก่ย่างถ่านอันนี้ OK กินทุกวันไปเลย


เมนูอาหารท้องถิ่น


ข้าวกล่องจากร้าน 7-11 ประมาณไก่เทอริยากิ + นมวัว + โยเกิร์ต + เลย์รสชาติไก่ย่างยัดไส้ข้าวเหนียว


ราคาน้ำอัดลมถือว่าแพงกว่าประเทศไทยเล็กน้อย


ราคาน้ำอัดลมถือว่าแพงกว่าประเทศไทยเล็กน้อย


ราคาน้ำอัดลมถือว่าแพงกว่าประเทศไทยเล็กน้อย


ร้านสะดวกซื้ออีกร้านที่ชื่อ "Everyday Chain" แต่ของกินน้อยกว่า 7-11 เยอะ


Copyright © 2566 - 2568. All rights reserved.